CAPEX กับ OPEX ต่างกันอย่างไร? เปลี่ยน CAPEX ให้เป็น OPEX เพิ่มกระแสเงินสดด้วย Outsourcing Service
เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนก็คงต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้สามารถประคับประคองบริษัทให้อยู่รอดต่อไปได้จนพ้นวิกฤติไปจนถึงการขยายตัวครั้งถัดไป หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อการอยู่รอดของบริษัทก็คืองบประมาณการลงทุนของตัวบริษัทนั่นเอง และเมื่อพูดถึงคำว่า “งบประมาณการลงทุน” หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า CAPEX กับ OPEX กันมาบ้าง เรามาดูกันว่าสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร
CAPEX และ OPEX คืออะไร? การลงทุนค่าใช้จ่ายใช้แบบไหนคุ้มสุด?
CAPEX (Capital Expenditures) คือ การลงทุนไปกับสินทรัพย์ถาวรของบริษัท เช่น การลงทุนด้านสถานที่ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์รวมไปถึงทรัพยากรบุคคลเพื่อมาดูแลสินทรัพย์และระบบเหล่านี้ในระยะยาว ซึ่งหากเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานจำเป็นต้องอัพเกรดใหม่ก็จะต้องทำการจัดซื้อเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน รายปี ในระหว่างใช้งาน ในกรณีนี้การเสียภาษีจะเป็นในรูปแบบของการหักตามระยะเวลาที่สินทรัพย์มีค่าเสื่อมราคา
OPEX (Operational Expenditures) คือ การลงทุนไปกับสินทรัพย์ในรูปแบบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น การใช้บริการจากบริษัท Outsourcing เพื่อใช้ความรู้ความสามารถและเทคโนโลยีที่บริษัท Outsourcing นั้นเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ โดยไม่ต้องลงทุนเป็นเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียวแต่จะเป็นค่าใช้จ่ายตามจริงรายเดือนหรือรายปี ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมรายจ่ายโดยการแบ่งจ่ายเป็นรอบกำหนดการจ่าย และสามารถใช้เงินทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะมีความยืดหยุ่นมากกว่า และหากมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำงานในส่วนนั้นมีการพัฒนาขึ้น ทางบริษัทก็ไม่ต้องลงทุนในด้านเทคโนโลยีเหล่านี้เองเพราะสามารถใช้บริการของบริษัท Outsourcing ได้เลยอย่างรวดเร็วทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้มาก รูปแบบการเสียภาษีของ OPEX จะเป็นการหักในปีภาษีปัจจุบัน
ส่วนสำคัญการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จก็คือการวิเคราะห์ความสามารถของบริษัทอยู่เสมอและเลือกอย่างชาญฉลาดว่าบริษัทควรจะลงทุนซื้อและทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นด้วยตัวเอง (CAPEX) หรือควรใช้ความสามารถของบุคคลภายนอก (Outsource) เมื่ออาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า (OPEX) นอกจากนี้การเลือกการลงทุนระหว่าง CAPEX กับ OPEX จะมีผลต่อรูปแบบการทำบัญชี ค่าใช้จ่ายและภาษีของบริษัทอย่างมีนัยยะสำคัญอีกด้วย
เปลี่ยน CAPEX ก้อนใหญ่มาเป็น OPEX ก้อนเล็ก เก็บเงินสดไว้ขยายธุรกิจ
ปัจจุบันบริษัทชั้นนำหลายแห่งเลือกที่จะใช้วิธีการเปลี่ยน CAPEX ให้เป็น OPEX เพื่อควบคุมงบประมาณบริษัท เช่น แทนที่จะลงทุนก้อนใหญ่กับระบบการบริหารจัดการแรงงานของตัวเอง ที่จะต้องใช้เวลาไปกับการสรรหาและจ้างแรงงาน อบรมและพัฒนาทักษะ ไปจนถึงคำนวนค่าแรงของแรงงานทุกคนด้วยตัวเองจนสิ้นเปลืองเวลา กำลังคนและงบประมาณที่สูง
บริษัทอาจพิจารณาเปลี่ยนมาใช้การจ้างบริษัทภายนอกหรือ Outsourcing ที่เชี่ยวชาญอย่าง Workmate เพื่อมาทำหน้าที่นี้แทน ทำให้ประหยัดทั้งเวลาในการจัดหาและอบรมแรงงาน ประหยัดทรัพยากรบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ดูแลในส่วนนี้ทั้งการจัดจ้างและการควบคุมดูแลการทำงานของแรงงานไปทั้งระบบ โดยยังได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของบริษัท Outsource นั้น ๆ และจ่ายเงินก้อนเล็กกว่าเป็นรายเดือนหรือรายปีตามสัญญา หากวันไหนมีความต้องการลดขนาดธุรกิจหรือขยายใหญ่ขึ้นแบบรวดเร็วก็จัดการได้แบบเรียลไทม์ผ่าน Platform ที่ถูกพัฒนามาโดยเฉพาะ รวมไปถึง Customer Success Manager ที่จะช่วยดูแลคุณ จึงทำให้การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพนักงานได้โดยไม่ต้องรอสรุปสิ้นเดือนอีกต่อไป
และด้วยการเลือกใช้บริการ Outsourcing เองก็จะทำให้การลงทุนครั้งนี้ไม่ต้องใช้กระแสเงินสดจำนวนมากแบบ CAPEX ในการพัฒนาศักยภาพของบริษัท แต่เปลี่ยนมาเป็นการลงทุนแบบ OPEX ที่ยืดหยุ่นกว่าและช่วยเพิ่มกระแสเงินสดในมืออีกด้วย สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขอใบเสนอราคาได้ที่: https://www.workmate.asia/th/bpo